วันจันทร์ที่ 17 มีนาคม พ.ศ. 2557

พระพุทธรูปศักดิ์สิทธิ์ สมัยกรุงศรีอยุธยา อายุ ๖๐๐ ปี (หลวงพ่อในโบสถ์)


         พระประธานประจำพระอุโบสถ  ปางสมาธิ ขนาดหน้าตักกว้าง ๑.๕ เมตร  มีฐานชุกชี ลวดลายสวยงาม มีพระปรางค์ ๒ องค์ พระเจดีย์ ๒ องค์  เป็นโบราณสถานเก่าแก่สมัยกรุงศรีอยุธยาตอนปลาย อายุกว่า ๖๐๐ ปีอายุสมัยของโบราณวัตถุสถานในวัดสระบัว


ประวัติความเป็นมาของปางสมาธิ  หรือปางตรัสรู้
             ปางพระพุทธรูปคือลักษณะของรูปสมมุติของพระพุทธเจ้าในอริยะบทต่าง ๆ ซึ่งสร้างขึ้นตามความเชื่อในพุทธประวัติ  โดยช่างสมัยโยนก (คันธารราฐ)  ราชวงศ์คุปตะ  (พ.ศ. ๘๖๓ - ๑๐๒๓)  เป็นชาวกรีกพวกแรกที่กำหนดรูปแบบปางพระพุทธรูป  ต่อมาช่างชาวอินเดียฝ่ายใต้ ซึ่งเป็นชาวกลิงคราฐข้างฝ่ายใต้รวมทั้งในยุคสมัยต่าง ๆ ในภายหลังได้คิดปางพระพุทธรูป  เพิ่มขึ้นอีกเป็นจำนวนมาก


           พระพุทธรูปปางสมาธินี้  พระอิริยาบทนั่งขัดสมาธิ     
         พระหัตถ์ทั้งสองวางหงายซ้อนกันบนพระเพลา (ตัก)  พระหัตถ์ขวาวางบนพระหัตถ์ซ้าย  นั่งลำพระองค์ตั้งตรงพระบาท (เท้า) ทั้งสองซ้อนกันโดยพระบาทขวาซ้อนทับอยู่บนพระบาทซ้าย  จัดเป็นปฐมปาง  ด้วยพระองค์ทรงอยู่ในพระอิริยาบทนี้ในคืนวัน "ตรัสรู้ "
         พระพุทธประวัติ หลังจากพระพุทธเจ้าทรงกำจัดพระยามาร  และเสนามารให้ปราชัยไปแล้ว   ด้วยพระบารมีตั้งแต่เวลาเย็นก่อนพระอาทิตย์ตก  (ปางมารวิชัย) เมื่อปราบมารเสร็จแล้วจึงเปลี่ยนมาแสดงปางสมาธิอีกครั้งหนึ่ง
          พระองค์ทรงเจริญสมาธิภาวนาด้วยท่านั่งสมาธินี้    จนทำจิตให้ปราศจากอุปกิเสส  บรรลุปฐมฌาน ทุติยฌาน  ตติยฌาน  และจตุถฌาน   ซึ่งเป็นส่วนรูปสมาบัติที่เรียกว่า  "เข้าฌานสมาบัติ" จากนั้นก็ใช้ฌานสมาธิที่แน่วแน่เจริญปัญญาหรือองค์วิปัสสนาจนได้บรรลุ "ญาณ"  (คือความรู้เแจ้ง)  ที่เรียกว่า "อภิญญาญาณ"  (ความรู้แจ้งอันประเสริฐสุด) ทั้งสามประการคือ  ทรงบรรลุญาณที่หนึ่งในตอนปฐมยาม (ประมาณ ๓ ทุ่ม) ญาณนี้เรียกว่า "บุพเพนิวาสนุสติญาณ" หมายถึงความรู้แจ้งถึงอดีตชาติหนหลังทั้งของตนและของคนอื่น พอถึงมัชฌิมยาม (ประมาณเที่่ยงคืน) ก็ได้บรรลุญานที่สองที่เรียกว่า "จุตูปปาตญาณ"  หมายถึงความรู้แจ้งถึงความจุติ   คือดับและเกิดของสัตว์โลก  ตลอดจนถึงความต่างกันที่เรียกว่า "กรรม"  พอถึงปัจฉิมยาม (หลังเที่ยงคืนล่วงแล้ว) ทรงบรรลุญาณที่สามคือ  "อาสวักขยญาณ" หมายถึงความรู้แจ้งถึงความสิ้นไปของกิเลสและอริยสัจสี่  คือความทุกข์  (ทุกข์) เหตุเกิดของความทุกข์ (สมุทัย) ความดับทุกข์ (นิโรธ) วิธีดับทุกข์ (มรรค) และกำจัดอวิชชาไปจนสิ้นจากกมลสันดานจนได้บรรลุอนุตสัมมาสัมโพธิญาณ  ตรัสรู้เป็นพระสัมมาสัมพุทธเจ้าในเวลารุ่งอรุโณทัย ตรงกับวันเพ็ญขึ้น ๑๕ ค่ำ เดือน ๖ (วันวิสาขบูชา) ทรงประทับขัดสมาธิบนบัลลังก์หญ้าคาใต้ต้นมหาโพธิ์ ใกล้ฝั่งเแม่น้ำเนรัญชรา  ปัจจุบันอยู่ในตำบลพุทธคยาประเทศอินเดีย.

เรียบเรียงโดย ฟ้าประทาน  กุลภักดีประกาศ  




0 ความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น

Twitter Delicious Facebook Digg Stumbleupon Favorites More