สภามหาวิทยาลัยมีมติกำหนดวันประสาทปริญญาบัตร

กำหนดการ 16 พ.ค. 57 เช้า- สัมมนาวิชาการบ่าย- บ่ายซ้อมปริญญา, 17 พ.ค. 57 พิธีซ้อมปริญญา, 18 พ.ค. 57 พิธีประสาทปริญญาบัตรามสำเร็จได้

สภามหาวิทยาลัยมีมติกำหนดวันประสาทปริญญาบัตร

กำหนดการ 16 พ.ค. 57 เช้า- สัมมนาวิชาการบ่าย- บ่ายซ้อมปริญญา, 17 พ.ค. 57 พิธีซ้อมปริญญา, 18 พ.ค. 57 พิธีประสาทปริญญาบัตรามสำเร็จได้

สภามหาวิทยาลัยมีมติกำหนดวันประสาทปริญญาบัตร

กำหนดการ 16 พ.ค. 57 เช้า- สัมมนาวิชาการบ่าย- บ่ายซ้อมปริญญา, 17 พ.ค. 57 พิธีซ้อมปริญญา, 18 พ.ค. 57 พิธีประสาทปริญญาบัตรามสำเร็จได้

รับสมัครนักศึกษาใหม่ ภาคการศึกษาที่ ๒/๒๕๕๗ รุ่นที่ ๑๘

เปิดรับสมัครระหว่าง วันที่ ๑ มิ.ย.- ๕ ก.ค.๕๗ มิถุนายน ๒๕๕๗ ชั้นจูฬตรี - มหาเอก หน่วยบริการ อภิธรรมโชติกะวิทยาลัย มหาวิทยาลัยมหาจุฬาลงกรณราชวิทยาลัย ณ วัดสระบัว จังหวัดเพชรบุรี;

นมัสการ หลวงพ่อในโบสถ์ศักดิ์สิทธิ์

พระประธานประจำพระอุโบสถ ปางสมาธิ ขนาดหน้าตักกว้าง ๑.๕ เมตร มีฐานชุกชี ลวดลายสวยงาม มีพระปรางค์ ๒ องค์ พระเจดีย์ ๒ องค์ เป็นโบราณสถานเก่าแก่สมัยกรุงศรีอยุธยาตอนปลาย อายุกว่า ๖๐๐ ปีอายุสมัยของโบราณวัตถุสถานในวัดสระบัว

วันจันทร์ที่ 31 มีนาคม พ.ศ. 2557

หลักสูตรอภิธรรมโชติกะวิทยาลัย



หลักสูตรอภิธรรมโชติกะวิทยาลัย

          พุทธศักราช 2511 ได้ก่อตั้ง ตั้งอภิธรรมโชติกะวิทยาลัยขึ้นที่วัดมหาธาตุยุวราชรังสฤษฎิ์ กรุงเทพมหานคร อยู่ในพระสังฆราชูปถัมภ์ สมเด็จพระสังฆราชทรงเป็นประธานอำนวยการจัดการศึกษา โดยได้รับความอุปถัมภ์จากมูลนิธิสัทธัมมโชติกะ และผู้มีจิตศรัทธาทั่วไป จนกระทั่งพุทธศักราช 2524 ด้วยเมตตาธรรมและมองการณ์ไกลของ เจ้าประคุณสมเด็จพระพุฒาจารย์ ที่หวังความเจริญก้าวหน้าของอภิธรรมโชติกะวิทยาลัย มหาวิทยาลัยมหาจุฬาลงกรณราชวิทยาลัยได้ประกาศให้อภิธรรมโชติกะวิทยาลัยเป็น หน่วยงาน หนึ่งของมหาวิทยาลัยมหาจุฬาลงกรณราชวิทยาลัยให้ชื่อว่า “อภิธรรมโชติกะวิทยาลัย มหาจุฬาลงกรณราชวิทยาลัย” ขึ้นตรงต่อสำนัก อธิการบดี ปัจจุบัน อภิธรรมโชติกะวิทยาลัย มหาวิทยาลัยมหาจุฬาลงกรณราชวิทยาลัย ในสังกัดสำนักงานส่งเสริมพระพุทธศาสนาและบริการสังคม ตามมาตรา 9 วรรคสอง และ มาตรา 19 แห่งพระราชบัญญัติมหาวิทยาลัยมหาจุฬาลงกรณราชวิทยาลัย ข้อ 11 (3) เรื่องการแบ่งส่วน งาน พุทธศักราช 2541 ได้ดำเนินการจัดการศึกษามาเป็น เวลา 36 ปีแล้ว มีสาขาทั่วประเทศ 57 แห่ง ทั้งในกรุงเทพฯ และต่าง จังหวัด มีบทบาทเผยแผ่ธรรมะในรูปแบบของการจัดการศึกษาพระอภิธรรมปิฎก อรรถกถา และฎีกาพระอภิธรรมต่างๆ ซึ่งเป็นอีกวิธีหนึ่งที่ช่วยเหลือ พัฒนาคุณภาพชีวิตของบุคคลและสังคมไทยให้สามารถดำเนินชีวิตได้อย่างสันติสุข และเกื้อกูลต่อการพัฒนาประเทศได้อย่างเหมาะสม และสอดคล้อง กับการเปลี่ยนแปลงของสังคมในทุกๆ ด้าน »  รวมใช้เวลาในการศึกษาจนจบหลักสูตรทั้ง 9 ชั้น 7 ปี 6 เดือนจบชั้นนี้มีคุณสมบัติเท่ากับปริญญาตรี

          ประวัติการศึกษาอภิธรรมในไทย หนังสือที่ระลึกงานมอบประกาศนีบัตรอภิธรรมบัณฑิตเล่าประวัติ
ความเป็นมาของการศึกษาพระอภิธรรมในเมืองไทยดังนี้ เมื่อพุทธศักราช 2494 พระเดชพระคุณเจ้าประคุณสมเด็จพระพุฒาจารย์ (อาจ อาสภมหาเถระ) ขณะดำรงสมณศักดิ์ที่พระพิมลธรรมสังฆมนตรีว่าการองค์การปกครอง นายกสภามหาวิทยาลัยมหาจุฬาลงกรณราชวิทยาลัย ได้เดินทางไปดูกิจการการเผยแผ่พระพุทธศาสนาที่ประเทศพม่า ได้เห็นการศึกษาพระอภิธรรมในประเทศพม่าอย่างแพร่หลาย ซึ่งในสมัยนั้นการศึกษาพระอภิธรรมในประเทศไทยยังไม่มี จึงได้ติดต่อรัฐบาลประเทศพม่าขออาราธนาพระสัทธัมมโชติกะ ธัมมาจริยะ พระเถระผู้เชี่ยวชาญพิเศษทางด้านพระอภิธรรมปิฎกจากประเทศพม่ามาดำเนินการเปิดการศึกษาพระอภิธรรมปิฎกครั้งแรกที่วัดระฆังโฆสิตาราม กรุงเทพมหานคร จนกระทั่งพุทธศักราช 2509 พระสัทธัมมโชติกะ ธัมมาจริยะ ถึงแก่มรณภาพ ศิษยานุศิษย์ได้ดำเนินการต่อเรื่อยมา








วันอาทิตย์ที่ 30 มีนาคม พ.ศ. 2557

ขอเชิญร่วมประเพณีสงกราต์ ระหว่างวันที่ ๑๒-๒๐ เมษายน ๒๕๕๗



ขอเชิญสาธุชนทั้งหลาย  ร่วมงานประเพณีสงกรานต์
          สักการะหลวงพ่อดำอันศักด์สิทธิ์   ณ ศาลาหลวงพ่อดำศักดิ์สิทธิ์  "ปกติมีสาธุชนทั้งหลายสำหรับคนเมืองเพชรบุรี  จะมากกราบขอพรท่านเป็นประจำ"  สังเกตจากมีสาธุชนมาแก้บน อย่างต่อเนื่อง เมื่อสาธุชนสมหวังในพรที่ขอไว้สำเร็จ
          ช่วงเวลาประเพณีสงกรานต์  ทางวัดได้เปิดโอกาสให้สาธุชนทั้งหลายมากราบขอพรท่าน  และสรงน้ำพระพุทธรูป ที่สำคัญภายในบริเวณวัดเพื่อเป็นศิริมงคลในวันขึ้นปีใหม่ไทย  และที่สำคัญไม่ควรลืม  กราบสักการะหลวงพ่อในพระอุโบสท  สร้างเมื่อสมัยกรุงศรีอยุธยา  อายุกว่า ๖๐๐ ปี  เป็นที่ภูมิใจของชาวเมืองเพชรบุรี
          ทางวัดจัดงาน เริ่มตั้งแต่วันที่ ๑๒ เมษายน  สิ้นสุดวันที่ ๒๐  เมษายน ๒๕๕๗
          ทางวัดขอเชิญสาธุชนคนใจบุญทั้งหลายร่วมสืบทอดประเพณีสงกราต์ สรงน้ำพระ ทำบุญตักบาตร ทำบุญอุทิศกุศลให้กับญาติที่ล่วงลับไปแล้ว  โดยพร้อมเพียงกัน
          ขออนุโมธนาสาธุชนทุกท่าน


 ดร.พระมหาทศพร อิทฺธิวโร   เจ้าอาวาสวัดสระบัว

วัดสระบัว  เลขที่ ๖๓ ตำบลคลองกระแชง  อ.เมือง  จังหวัดเพชรบุรี  ๗๖๐๐๐ 
สอบถามเส้นทาง 089 - 885 0210

แผนที่เดินทาง 






ประเพณีสงกรานต์ การฉลองการขึ้นปีใหม่ ตามสุริยคติ
วันสงกรานต์ ในแต่ละท้องถิ่นอาจไม่ตรงกัน แต่เป็นช่วงระหว่างวัน โดยการนับวันทางจันทรคติ และนอกจากประเทศไทยเราแล้ว ยังมีประเทศเพื่อนบ้าน เช่น ลาว พม่า กัมพูชา ก็มีประเพณีสงกรานต์เป็นประเพณีขึ้นปีใหม่ด้วยเช่นกัน
» วันมหาสงกรานต์
13 เมษายน เป็นวันมหาสงกรานต์ เป็นวันสิ้นปีเก่า และเป็นวันที่พระอาทิตย์เข้าสู่ราศีเมษ ต้องมีการยิงปืน หรือจุดประทัด ทำให้เกิดเสียงดัง เพื่อชับไล่สิ่งไม่ดีต่างๆ จะมีการปัดกวาดบ้านเรือน ซักเสื้อผ้า เพื่อทำความสะอาดและขับไล่สิ่งไม่ดีจากปีเก่าให้หมดไป
» วันเนา
14 เมษายน เป็นวันเนา บางแห่งเรียกว่า วันเน่า เป็นวันที่ เชื่อต่อระหว่าง ปีเก่าและปีใหม่ มีความเชื่อว่า ห้ามกระทำสิ่งที่ไม่เป็นมงคล ห้ามด่ากัน ห้ามทะเลาะกัน ซึ่งโดยรวมแล้ว วันเนานี้จะเป็นวันเตรียมงานทำบุญสงกรานต์ และมีการขนทรายเข้าวัดในตอนบ่าย
» วันเถลิงศกขึ้นปีใหม่
15 เมษายน เป็นวันเถลิงศก หรือวันพญาวัน เป็นวันที่มีการทำบุญทางศาสนา ทำบุญ ทำทานแก่ผู้ที่ล่วงลับไปแล้ว พร้อมทั้งยังมีการ รดน้ำดำหัว ผู้เฒ่าผู้แก่ ผู้อาวุโสเพื่อขอพร มีความเชื่อว่า จะสามารถช่วยให้ผู้ที่มีบาปหนัง พ้นทุกข์จากขุมนรกได้

วันพฤหัสบดีที่ 27 มีนาคม พ.ศ. 2557

กำหนดการ ทอดผ้าป่าสมทบกองทุนบำรุงพระอภิธรรมวัดสระบัว


                 


เวลา
           กำหนดการ  วันเสาร์ที่ ๒๘  มิถุนายน ๒๕๕๗
เวลา  ๑๐.๓๐ น.
-พระสงฆ์เจริญพระพุทธมนต์
เวลา  ๑๑.๐๐  น.
-ถวายภัตตราหารเพลแด่พระสงฆ์
              เชิญญาติโยมรับประทานอาหาร
เวลา  ๑๒.๓๐ น
-ทอดผ้าป่าสมทบกองทุนบำรุงพระอภิธรรมวัดสระบัว
เวลา  ๑๓.๓๐ น.
             -เปิดเรียนอภิธรรมภาคการศึกษาที่ ๒ วัดสระบัว

          ขอเชิญสาธุชน  ทุกท่านที่มีจิตศรัทธาช่วยเหลือสนับสนุนกองทุนพระอภิธรรมวัดสระบัวเพื่อประโยชน์แก่พระภิกษุสงฆ์ และประชาชนที่เดินทางมาศึกษา อันเป็นการช่วยกันสืบทอดพระพุทธศาสนาให้คงอยู่สืบไป.
          *ท่านใดที่ต้องการใบอนุโมทนาบัตรกรุณาแจ้งมาทางวัดหรือติดต่อ ดร.พระมหาทศพร ฯ  ได้โดยตรงตลอดเวลาทางวัดยินดีต้อนรับสาธุชนผู้ใจบุญทุกท่าน...

ชื่อบัญชี  พระมหาทศพร  อิทธิวโร  (เพื่อสมทบพระอภิธรรมวัดสระบัว)
หมายเลขบัญชี  207 - 2 - 71035 - 8
ธนาคารกสิกรไทย    สาขาเพชรบุรี
โทรศัพท์  : ดร.พระมหาทศพร  อิทธิวโร  089 - 885  0210



วันพุธที่ 26 มีนาคม พ.ศ. 2557

วันประสาทปริญญาบัตร ประจำปี 2557



กำหนดการ
พิธีประสาทปริญญาประจำปี ๒๕๕๗
มหำวิทยาลัยมหาจุฬาลงกรณราชวิทยาลัย
วันที่ ๑๖-๑๘ พฤษภาคม พ.ศ. ๒๕๕๗
ณ หอประชุม มวก. ๔๘ พรรษา มหาวิทยาลัยมหาจุฬำลงกรณราชวิทยาลัย
ตำบลลำไทร อำเภอวังน้อย จังหวัดพระนครศรีอยุธยา



เวลา ๐๗.๐๐ น.
เวลา ๐๘.๓๐-๐๙.๐๐ น.


เวลา ๐๙.๓๐-๑๑.๐๐ น.

เวลา ๑๑.๐๐ น.
เวลา ๑๓.๐๐-๑๘.๐๐ น.




เวลา ๐๘.๐๐-๑๑.๐๐ น.

เวลา ๑๓.๐๐-๑๘.๐๐ น.



เวลา ๐๘.๐๐ น.





เวลา ๐๘.๐๐ น.


เวลา ๐๙.๐๐ น.































































































หมายเหตุ***

     วันศุกร์ที่ ๑๖ พฤษภาคม พ.ศ. ๒๕๕๗
ลงทะเบียน
พระศรีคัมภีรญาณ,รศ.ดร. รองอธิการบดีฝ่ายวิชาการ ถวายรายงานพระธรรมสุธี นายกสภามหาวิทยาลัย กล่าวเปิดการสัมมนา
ปาฐกถา เรื่อง บทบาทพัฒนาการมหาจุฬาฯ ในเวทโลก โดย พระพรหมบัณฑิต, ศ.ดร. อธิการบดี
ฉันภัตตาหารเพล/รับประทานอาหาร
พิธีซ้อมรับปริญญาคณะมนุษยศาสตร์ คณะสังคมศาสตร์ และบัณฑิตที่ลาสิกขาเข้ารับ

       วันเสาร์ที่ ๑๗ พฤษภาคม พ.ศ. ๒๕๕๗
พิธีซ้อมรับปริญญาคณะพุทธศาสตร์ คณะครุศาสตร์ และสถาบันสมทบ
พิธีซ้อมรับปริญญาพุทธศาสตรดุษฎีบัณฑิต พุทธศาสตรมหาบัณฑิต

      วันอาทิตย์ที่ ๑๘ พฤษภาคม พ.ศ. ๒๕๕๗
 เวลา ๐๘.๐๐ น. - พุทธศาสตรบัณฑิตพร้อมกัน ณ หอประชุมมวก. ๔๘ พรรษา
- ถวายผ้าไตรจีวรและย่ามแก่พุทธศาสตรบัณฑิต คณะมนุษยศาสตร์
 และคณะสังคมศาสตร์
- พุทธศาสตรบัณฑิต ทั้งนั้นอนุโมทนา
- คณะผู้บริหาร กรรมการสภามหาวิทยาลัย คณาจารย์ เจ้าหน้าที่ แขกผู้มีเกียรติและพุทธศาสตร
 บัณฑิต พร้อมกัน ณ หอประชุม มวก. ๔๘ พรรษา
- สมเด็จพระมหารัชมังคลาจารย์ ผู้ปฏิบัติหน้าที่สมเด็จพระสังฆราช เดินทางมาถึงหอประชุม
 มวก. ๔๘ พรรษา
- นายกสภามหาวิทยาลัย อธิการบดีและคณะผู้บริหารถวายการต้อนรับ
 - สมเด็จพระมหารัชมังคลาจารย์จุดธูปเทียนบูชาพระรัตนตรัย
- นายกสภามหาวิทยาลัยถวายเครื่องสักการะ
 - ผู้แทนพุทธศาสตรบัณฑิตถวายเครื่องสักการะ
 - อธิการบดีถวายรายงาน
 - คณบดีคณะมนุษยศาสตร์ และคณะสังคมศาสตร์ ขานชื่อพุทธศาสตรบัณฑิต
 คณะมนุษยศาสตร์ และคณะสังคมศาสตร์ เข้ารับปริญญาบัตร ตามลำดับ
 - ผู้อำนวยการอภิธรรมโชติกะวิทยาลัย ขานชื่อผู้สำเร็จการศึกษาเข้ารับประกาศนียบัตรอภิธรรม
 บัณฑิต
 - สมเด็จพระมหารัชมังคลาจารย์ ประทานปริญญาบัตร
 - พระสงฆ์เจริญชัยมงคลคาถา
 - สมเด็จพระมหารัชมังคลาจารย์ ประทานโอวาท
 - อธิการบดีถวายเครื่องไทยธรรมแด่สมเด็จพระมหารัชมังคลาจารย์
 - พุทธศาสตรบัณฑิต คณะสังคมศาสตร์ บัณฑิตที่ลาสิกขาเข้ารับ และนักศึกษาอภิธรรมบัณฑิต
 ถ่ายภาพหมู่ร่วมกับ สมเด็จพระมหารัชมังคลาจารย์ และคณะผู้บริหาร
- เป็นอันเสร็จพิธี (ในภาคเช้า)

เวลา ๑๑.๐๐ น.    - พักฉันภัตตาหารเพล/รับประทานอาหาร
เวลา ๑๒.๐๐ น.    - ถวายผ้าไตรจีวรและย่ามแก่พุทธศาสตรดุษฎีบัณฑิต พุทธศาสตรมหาบัณฑิต และพุทธศาสตร
 บัณฑิต
 - นายกสภามหาวิทยาลัย กล่าวสัมโมทนียกถา
 - พุทธศาสตรดุษฎีบัณฑิต พุทธศาสตรมหาบัณฑิต และพุทธศาสตรบัณฑิต ทั้งนั้นอนุโมทนา
เวลา ๑๓.๐๐ น.    - คณะผู้บริหาร กรรมการสภามหาวิทยาลัย คณาจารย์ เจ้าหน้าที่ แขกผู้มีเกียรติ ผู้รับปริญญา
 กิตติมศักดิ์ เข็มเกียรติคุณ พุทธศาสตรดุษฎีบัณฑิต พุทธศาสตรมหาบัณฑิต และพุทธศาสตร
 บัณฑิต พร้อมกัน ณ หอประชุม มวก. ๔๘ พรรษา
 - สมเด็จพระมหารัชมังคลาจารย์ ผู้ปฏิบัติหน้าที่สมเด็จพระสังฆราช เดินทางมาถึงหอประชุม
 มวก. ๔๘ พรรษา
 - นายกสภามหาวิทยาลัย อธิการบดีและคณะผู้บริหารถวายการต้อนรับ
 - สมเด็จพระมหารัชมังคลาจารย์จุ ดธูปเทียนบูชาพระรัตนตรัย
 - นายกสภามหาวิทยาลัย ถวายเครื่องสักการะ
 - ผู้แทนพุทธศาสตรดุษฎีบัณฑิต ถวายเครื่องสักการะ
 - อธิการบดี ถวายรายงาน
 - รองอธิการบดี อ่านประกาศสดุดีพุทธศาสตรดุษฎีบัณฑิตกิตติมศักดิ์ และพุทธศาสตร
 มหาบัณฑิตกิตติมศักดิ์
 - สมเด็จพระมหารัชมังคลาจารย์ ประทานปริญญาพุทธศาสตรดุษฎีบัณฑิตกิตติมศักดิ์
 และพุทธศาสตรมหาบัณฑิตกิตติมศักดิ์
 - รองอธิการบดี อ่านประกาศเกียรติคุณผู้ที่ได้รับเข็มเกียรติคุณ
 - สมเด็จพระมหารัชมังคลาจารย์ ประทานเข็มเกียรติคุณ
 - คณบดีบัณฑิตวิทยาลัย ขานชื่อพุทธศาสตรดุษฎีบัณฑิต และพุทธศาสตรมหาบัณฑิต
 เข้ารับปริญญาบัตร
 - สมเด็จพระมหารัชมังคลาจารย์ ประทานปริญญาบัตร
 - พักอิริยาบถ ๑๕ นาที
 - คณบดีคณะพุทธศาสตร์ คณะครุศาสตร์ ขานชื่อพุทธศาสตรบัณฑิต คณะพุทธศาสตร์
 คณะครุศาสตร์ และสถาบันสมทบ เข้ารับปริญญาบัตร ตามล าดับ
 - สมเด็จพระมหารัชมังคลาจารย์ ประทานปริญญาบัตร
 - พระสงฆ์เจริญชัยมงคลคาถา
 - สมเด็จพระมหารัชมังคลาจารย์ ประทานโอวาท
 - อธิการบดีถวายเครื่องไทยธรรมแด่สมเด็จพระมหารัชมังคลาจารย์
 - พุทธศาสตรดุษฎีบัณฑิตกิตติศักดิ์ พุทธศาสตรมหาบัณฑิตกิตติมศักดิ์ ผู้ที่ได้รับเข็มเกียรติคุณ
- พุทธศาสตรดุษฎีบัณฑิต พุทธศาสตรมหาบัณฑิต พุทธศาสตรบัณฑิตคณะพุทธศาสตร์
 คณะครุศาสตร์ และสถาบันสมทบ ถ่ายภาพหมู่ร่วมกับสมเด็จพระมหารัชมังคลาจารย์
 และคณะผู้บริหาร เป็นอันเสร็จพิธี


พระภิกษุ ผู้บริหาร พระคณาจารย์ พระเจ้าหน้าที่ และพระบัณฑิตห่มดองรัดอก
 คณาจารย์และบัณฑิต ฝ่ายคฤหัสถ์สวมชุดครุยปริญญา ข้าราชการแต่งเครื่องแบบปกติขาว
 ประชาชนทั่วไปแต่งกายสุภาพ




วันอังคารที่ 25 มีนาคม พ.ศ. 2557

A case of comparative study of Bhavanga-citta, subsconcious mind, in Buddhism and western philosophy.



       A case of  comparative study of  Bhavanga-citta, subsconcious mind, in Buddhism and western philosophy.

By Dr. Phramaha Thotsaporn Iddhivaro
Buddhist Faculty, MCU. Bangkok, Thailand.


                                    Preface

I am invite to write this article to show in international research seminar in January 2011. This seminar is held by Buddhist research institute at Mahachulalongkorn Buddhist University. This seminar draws scholars   from inside and outside Thailand to express their ideas.
Bhavanga-citta,subconscious mind is the article I would like to express, inside and outside Buddhism. Buddhism is religion we follow and practice. Sometime Buddhism is considered as philosophy. Outside Buddhism means Sigmund Freud. He is a famous psychologist in the western world.
Sometime Buddhism is religion. Sometime Buddhism is philosophy. Both ideas are correct according to their perspective.
The topic I would like to express to all of you who come to this event is a case of comparative study about Bhavanga-citta, subconscoious mind, in Buddhism and western philosophy.
It seems for me to difficult for people who don’t understand Abhidhamma, Buddhist philosophy to understand this case. Even though Abhidhamma, Buddhist philosophy, is a core of Buddhism, but Buddhist people have less understanding about that Abhidhamm.
.Bhavanga-citta, subconscious mind, is the most important citta in Abhidhmma because people come to this world, stay in this world, apart from this world with this Bhavanga-citta.
            In my comparative study, I would like readers to understand Bhavang-citta in Abhidhamma first and citta in Sigmund Freud later. Readers would understand Abhidhamma more than before. I hope so.
                                              
Dr. Phramah Thotsaporn Iddhivaro

                                 10 January 2011


                                                               Contents

- What is citta

- What is a number of citta

- What is function of citta

- What is operation of citta

- What is Bhavanga-citta.

- What is citta in Sigmund Frued.

- Conclusion




What is citta.

     Citta, mind, is Pali word in Theravada Buddhism. There 10 kinds of synonym for citta[1], mind. They are:
1.     Citta means to think the objects.
2.     mano means to go forward to the objects.
3.     Hadya means to collect the objects.
4.     Manas means to satisfy the objects.
5.     Bandhara means to be pure.
6.     Manayatana means to connect the objects.
7.     Manitdhriya means to prominent the objects.
8.     Vinyana means to know the objects
9.     Vinyana Khantha menas to be a group.
10.            Vinyanadhatu means to keep its status.

  Citta knows objects by eyes, ears, noses, tongue, body and by itself. There are six objects; color, sound, smell, taste, tangible and mental objects. In Atthasalinee stated that eyes like a snake, ears like a crocodile, noses like a bird, tongue like a fox, body like a dog, mind like a monkey. Citta exits depending on six objects eventually. This is citta-niyama, mind-order.



[1] Kuddhakanikaya, Mahanidesa, Volume 29, 3

What is a number of citta
     Citta is divided into four kinds[1]. They are akusa-citta, unwholesome citta, kusala-citta, wholesome citta, vipaka-citta, resultant   citta, and kiriya-citta, functional-citta.
      Akusala- citta means mind does not cut bad thing which happens through physical, verbal and mental actions. People who commit themselves to akusal-citta think bad thing, speak bad thing, and act bad thing. Akusala-citta produces bad thoughts, bad speech, and bad action.
        According to Buddhist teachings, akusala-citta has three roots to        back up. They are greed, hate, and delusion. Greed makes people   to break precepts like a killing. Hate makes people to break precepts like a stealing. Delusion makes people break all precepts. People who eliminate precepts earn akusala-citta.
          People who eliminate precepts receive bad fruit from their action. They see bad sight, hear bad sound,   take  bad  smelling ,    take bad taste,  touch bad tangible and take bad mental objects in daily life. They do not wait until they die and go to hell.
          There are 12 of unwholesome[2]. They are 8 of greediness of consciousness, 2 of hate of consciousness, and 2 of delusion of consciousness . Greediness takes people who commit evil into hungry ghosts.  Hate takes people who commit evil into hell..  Delusion takes people who commit evil into animal realm. Twelve of unwholesome produce bad fruit in both this life and next life.
 Those of Greediness are divided into eight of mind. Greediness of mind consists of 3 factors of bad mental properties. They are greediness, wrong views, and conceit. Mind comes up with 3 bad mental properties ends up with bad results through 5 sense doors and mind door in this present live. After they are dead, they go to hungry ghost. There are 3 of greediness. The first one is greediness of sexual desires. The second one is greediness with assets. The third one is greediness of pride. There are 2 of wrong views. The first one is sassada-ditthi, eternalism. The second is uccheda-ditthi, annihilationism. People who commit in eternalism believe that they stay for ever. People who commit in annihilationism believe that they expire after this life.
Those of hate are divided into 2 of mind. Hate of mind consists of bad mental properties. They are angriness, envy, stringiness, and worry. Mind comes up with 4 bad mental properties end up with bad result through 5 sense doors and mind door in this present live. After they are dead, they go to hell.
Delusion is a core of unwholesome. When unwholesome takes place, this delusion exits eventually.  It produces all bad things in mundane world
In general, greediness, wrong view, and delusion are play a big role for unwholesome. Greediness and wrong view don’t come up all the times but delusion take place when mental properties of unwholesome exit.

          Kusala-citta means mind cut bad thing which happens through physical, verbal and mental actions. This kusala-citta is originated in the mind and spread into speech and finally into body. People who commit themselves to kusal-citta think good thing, speak good thing, and act good thing. Kusala-citta produces good thoughts, good speech, and good action.
          There 21of wholesome[3] citta. They are 8 of moral consciousness, 5 of sphere moral consciousness, 4 of formless sphere moral consciousness, and 4 of moral extra-mundane consciousness. There are 17 for mundane and 4 for super-mundane.
          According to Buddhist teachings, kusala-citta has three roots to back up. They are non-greed, non-hate, and non-delusion. Non-greed makes people to donate. Non-hate makes people to have precepts. Non-delusion makes people to get enlighten. People who preserve precepts
Earn kusal-citta.
          There are 2important factors to enhance moral citta. The first one is faith,saddha. The second one is wisdom, panya. Faith is a first major mental property to make moral citta work properly. Fiat is a predominant for all moral citta. Wisdom can not take place in moral citta  with no faith. The ancient teachers say if faith and wisdom come along with faith would be selected.
          There are four kinds of faith.[4]
1. Kamma-saddha, Belief in kamma; confidence in accordance of actions. Action produces reaction. Good reaction comes off good action and vice versa.
2. Vipaka-saddha,Belief in the consequence of actions. Nobody can avoid from the consequence of action even noble one.
3. kammassakata-saddha, Belief in the individual ownership of action. This belief makes people different and finite. The individual ownership of action would finish when people get enlightened.
4. Tathagatabodhi-saddha,confidence in the Enlightenment of the Buddha. This confidence is more important than the first three confidences as mentioned before. People who have confidence in the Enlightenment of the Buddha would embrace all confidence in Buddhism.
          People who preserve wholesome receive good fruit from their action. They see good sight, hear good sound, smell good smelling, take good taste, touch good tangible, and take good mental objects in daily life. They do not wait until they die and go to heaven.

          Vipaka-citta, resultant-mind, means mind get result from its action.This mind is very important for all minds because it is inborn and innate into mind until forever. People come to this world and depart form this world with this specific mind. It amazing: Vipaka-citta which is the fruit of unwholesome citta has no unwholesome cetasika, mental properties. Abhidhamma-teachers give good simile to make students to understand. The simile is that a son of bad people is not necessary to be bad guy. There are 36 of vipaka citta[5]. There are 7 of Ahetuka-citta, rootless resultant consciousness of immorality. There are 8 of Shetuka-citta,  with root resultant consciousness of morality. There are 8 of mahavipaka-citta, moral consciousness. There are 5 of Rupavacarvipaka-citta, Form Sphere moral consciousness. There are 4 Arupavacaravipaka-citta,  Formless Sphere moral consciousness.   

       Kiriya-citta, function mind, means citta which only take action in any circumstance. It goes beyond wholesome, unwholesome, and resultant. This citta is not concerned with all defilements. The Buddha and nobles can get this citta. Mundane people can not take this citta except kiriya-citta which take place in five sense doors of citta and mind sense door of citta.. Five sense doors of citta and mind sense door of citta take place before wholesome and unwholesome exit. Both of those cittas are very important in Abhidhama, Buddhist philosophy. There are 20 of kiriya-citta[6]. There are 3 Ahetukakiriya-citta, rootless functional consciousness. There are 8 of Mahakiriya-citta, functional consciousness. There 5 of Rupavacarakiriya-citta, Form Sphere moral consciousness. There 4 of Arupavacarakiriya-citta, Formless Sphere moral consciousness.


          What is functions of citta

 There are fourteen kinds of functions of citta[7].
                1. Bhavang-citta,  subconscious mind.
               Bhavanga-citta function is one of the most important functions. When people fall asleep deeply, this function is working but people do not know they are sleeping. Further more this function happens between giving up old objects and catching new objects.

           2. Patisondhi-function, this function makes mind to going into new existence.
           3. Cuti- function. This function makes mind to leaving old existence.      
4. Cukkhuvinyana- function, this function makes mind to see.
          5.  Sotavinyana- function. This function makes mind to listen.
          6. Ghanaviyana- function. This function makes mind to smell.
          7. Jivahavinyana- function. This function makes mind to taste.
          8. Kayavinyana function. This function makes mind to touch. 
          The number 4 through 8 are the fruit conscious mind. People can not avoid these objects through the 5 sense-organs. They are calleddhvipancavinyana-citta, the couple of five sense-organ conscious minds.
          9. Avajjana- function. This function makes mind to consider object.
          10. Sampaticchanna- function. This function makes mind to receive object.
         11. Santrirana- function. This function makes mind to investigate object.
          12. votthappana- function. This function makes mind to decide object.
          13.  Javana- function. This function makes mind to impulse object.
          14. Tatalampana- function. This function makes mind to hold object.
         

What is operations of citta.

          When people are awake, the mind takes operation through five sense organs and mind. The mind operates for seventeen times[8] to cover objects through five sense organs and fourteen times for mind. When people are sleepy, bhavanga-citta takes operation. After object touched one of five sense organs, bhavanga-citta become atitabhavanga, past sub-conscious mind. This past conscious mind is predominant of seventeen moments for five sense organs and fourteen moments for mind.
          The first moment is past of sub-conscious mind. This means the object touched the mind.
          The second moment is vibration of sub-conscious mind. This means the vibration of the mind exit.
          The third moment is the end of sub-conscious mind. This means sub-conscious mind becomes conscious mind.
          These three moments are parts of sub-conscious mind but they are considered as thought- moments.
          The fourth moment is considering conscious mind. This mind looks forward to notice what is going on through five sense organs.
          The fifth moment is understanding conscious mind what happens through five sense organs.       
The sixth moment is receiving conscious mind. This moment receives what understanding conscious mind taking.
The seventh moment is investigating conscious mind. This moment examine what receiving conscious mind taking.
          The eighth moment is deciding conscious mind. This moment decided what is good object, what is bad object.
          The ninth moment through fifteenth moment is repetition consciousness. This moment is repulsive moment which leads to become wholesome or unwholesome.   
The sixteenth and seventeenth moment is holding conscious mind. This moment stay for two times before going into sub-conscious mind.
          The number 1,2  and 3 are sub-conscious mind produce number 4 through 17. This shows sub-conscious mind prominent for conscious -mind. The teachers give simile like that sub-conscious mind like an ocean, conscious mind like a wave.
         

         
What is citta in Sigmund Freud[9]. Sigmund Freud classified citta into 3 classes. They are Unconscious mind, conscious mind, and preconscious mind.
What is unconscious mind. This mind, according to Sigmund Freud theory, is uncontrollable mind.  People dream with this mind. People talk about something in the past after are getting better from getting operation. All experience in the past is kept in this mind.
 This mind happens to anybody who don not know what they do. This mind is conscious mind in Buddhism. People do something with this conscious mind. Sometimes they know, sometime they don’t. People are not able to do anything with unconscious mind. This mind is compared
  massive ice under water,  the others are compared with some ice on water.      What is conscious mind.  This mind, according to Sigmund Freud theory, is awareness in any circumstances that people actions. We can control this crucial mind. This conscious mind is mentioned in Buddhism.
          What is preconscious mind. This mind is experience that people accumulated in the past. When people need to use, this mind would happens to them accordingly.
          I think all unconscious, conscious, and preconscious   according to Sigmund Freud  are consciousness in Buddhism. All western philosophers observe anything which they can prove with material phenomena. They don’t care abstract things that they can’t prove with five sense organs.        This Sigmund Freud theory is controversy to Buddhism.      
          I would like to compare the theory of Sigmund Freud about mind with thought moment in Buddhism. The unconscious mind compare with past subconscious mind, vibration of subconscious mind, and end of subconscious mind. The conscious compare with considering conscious mind, understanding conscious mind, receiving conscious mind, investigating conscious mind, deciding conscious mind, and repulsive conscious mind. The unconscious mind compare with holding conscious mind. I think Sigmund Freud studied Buddhism before making his own theory.


                                                        Conclusion

          Abhidhamma is a Buddhist philosophy, one of the most important teaching about the mind in Buddhism. In the time of the Buddha, he taught this teaching to the divine beings in the heaven. Some people think Abhidhamma is good for thinking, but impracticable. That idea is absolutely wrong. Abhidhamma is the root of Vinaya Pitka, basket of disciplinary, and suttanta Pitaka, basket of discourse. So Buddhists should learn Abhidhamma to understand Buddhism properly.
          Citta, mind which appears in Abhidhamma concludes every thing about mind, function of mind, and operation of mind. The root of   moral and psychology is Abhidhamma. The western philosophers like Sigmund Freud learn Abhidhamma and apply to be their theory, I think.





References:

Primary source:
Khuddhakanikaya Mahanidesa.

Secondary sources:
Phrasaddhammajotika Dhammacariya. Paramatthajotika, Volumes 1 2 3 4 6. Bangkok. Saddhammajotika Foundation, 2550/2007.
Phra Brahmagunabhorn (P.A. Payutto). Dictionary of Buddhism, Bangkok. Dictionary of Buddhism Foundation, 2551/2008





[1] Paramatthajotika, Volumes 1 2 6, 23
[2]  Paramatthajotika,  Volumes 1 2 6, 13.
[3]  Paramatthajotika, Volumes 1 2 6, 14 15.
[4] Dictionary of Buddhism, 181.
[5] Paramatthajotika, Volumes 1 2 6, 13 14 15.
[6] Paramatthajitika, Volumes 1 2 6, 14 15.
[7] Paramatthajotika, Volumes 3, 17.
[8] Paramatthajotika Volume 4, 39 59
[9]  Wikipedia, Free encyclopaedia.

-------------------------------------------------------------------

 Hon. Professor  Phramaha Thotsaporn Iddhivaro PH.D
 Wat Sabua  63   Kiriratthaya Road, Klongkrachang , 
 Muang   Phetchaburi.
76000.  Thailand.,

 Phone : +668 9885 0210
 Email :  watsabua@gmail.com






Twitter Delicious Facebook Digg Stumbleupon Favorites More